
การรักษาความปลอดภัยรอบบ้านหรือสถานประกอบการไม่ควรละเลย เพราะเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลายอย่างมักเกิดขึ้น “นอกอาคาร” ไม่ว่าจะเป็นการบุกรุก ลักทรัพย์ หรือการก่อกวนต่าง ๆ การติดตั้ง กล้องวงจรปิดสำหรับพื้นที่ภายนอก จึงเป็นทางเลือกสำคัญในการเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์ และช่วยบันทึกหลักฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล้องสำหรับใช้งานภายนอก (Outdoor CCTV) ต้องออกแบบให้ทนทานกับสภาพแวดล้อมกลางแจ้ง พร้อมทั้งมีความสามารถในการทำงานในสภาพแสงน้อยหรือแม้แต่เวลากลางคืน วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับกล้องวงจรปิดภายนอกอย่างละเอียด พร้อมคำแนะนำในการเลือกใช้งานให้เหมาะกับพื้นที่ของคุณ
หัวข้อ
กล้องวงจรปิดสำหรับพื้นที่ภายนอก คืออะไร?
กล้องวงจรปิดสำหรับภายนอก (Outdoor CCTV Camera) คือกล้องที่ออกแบบมาเพื่อทนต่อสภาพอากาศที่หลากหลาย เช่น แสงแดดจัด ฝนตกหนัก ลมแรง หรือฝุ่นละออง กล้องชนิดนี้มักมีคุณสมบัติ:
- โครงสร้างกันน้ำ กันฝุ่น (มาตรฐาน IP65, IP66 หรือ IP67)
- ระบบอินฟราเรด (Infrared Night Vision) สำหรับภาพกลางคืน
- ตัวกล้องวัสดุแข็งแรง ทนแรงกระแทก
- มุมมองกว้างครอบคลุมพื้นที่
- บางรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ WiFi / LAN / PoE
จุดเด่นของกล้องวงจรปิดสำหรับพื้นที่ภายนอก
ทนต่อทุกสภาพอากาศ
กล้องภายนอกออกแบบมาเพื่อใช้งานกลางแจ้งโดยเฉพาะ ทนแดด ทนฝน ฝุ่น และความชื้นได้ดี ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
มองเห็นในที่มืดได้อย่างชัดเจน
กล้องรุ่นใหม่มาพร้อม Night Vision หรือ Color Night Vision ที่สามารถบันทึกภาพในที่มืดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ครอบคลุมพื้นที่กว้าง
กล้องบางรุ่นมีมุมมองกว้างถึง 110°–180° หรือเป็นกล้อง PTZ (Pan-Tilt-Zoom) ที่หมุนและซูมได้ ช่วยลดจุดบอดในการเฝ้าระวัง
ติดตั้งได้หลายจุดรอบอาคาร
สามารถติดได้ที่รั้ว, ประตูรั้ว, ทางเดิน, โรงจอดรถ, หลังบ้าน, หรือรอบพื้นที่ธุรกิจ
เชื่อมต่อมือถือ ดูภาพสด–ย้อนหลังได้ทันที
กล้องภายนอกสมัยใหม่สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเฝ้าดูพื้นที่ภายนอกได้จากทุกที่
จุดติดตั้งกล้องวงจรปิดภายนอกที่แนะนำ
- ทางเข้า–ออกบ้านหรืออาคารสำนักงาน
- ประตูรั้วหลักและรั้วรอบขอบเขต
- ลานจอดรถหรือโรงรถ
- ทางเดินด้านข้างบ้าน
- สวนหรือพื้นที่หลังบ้าน
- พื้นที่จัดเก็บสินค้า/เครื่องมือกลางแจ้ง
วิธีเลือกกล้องวงจรปิดสำหรับพื้นที่ภายนอก
- ตรวจสอบระดับมาตรฐานกันน้ำ–กันฝุ่น (IP Rating)
ควรเลือกกล้องที่มี IP65 ขึ้นไป เพื่อป้องกันฝุ่นและน้ำได้ดี หากเป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม/ฝนหนัก เลือก IP67 - เลือกระยะการมองเห็นในที่มืด (Night Vision Distance)
กล้องที่มีอินฟราเรดควรมองเห็นได้ไกล 20–50 เมตร สำหรับพื้นที่รอบบ้าน และมากกว่า 50 เมตร สำหรับพื้นที่ธุรกิจ - ความคมชัดของภาพ
ควรเลือกกล้องที่มีความละเอียดขั้นต่ำ 1080p (Full HD) หรือสูงกว่านั้น เช่น 2K หรือ 4K เพื่อให้ซูมภาพได้โดยไม่แตก - โครงสร้างกล้องต้องแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทก
ตัวกล้องควรผลิตจากวัสดุที่กันสนิม เช่น อะลูมิเนียมอัลลอย หรือพลาสติกเกรดอุตสาหกรรม - มีระบบแจ้งเตือนความเคลื่อนไหว (Motion Detection)
เมื่อกล้องตรวจพบการเคลื่อนไหวผิดปกติ จะส่งการแจ้งเตือนมายังมือถือทันที - รองรับการบันทึกภาพอัตโนมัติและ Cloud Storage
เลือกกล้องที่สามารถบันทึกผ่าน SD Card หรือ Cloud เพื่อดูย้อนหลังได้สะดวก
ตัวอย่างกล้องวงจรปิดสำหรับพื้นที่ภายนอกที่แนะนำ
TP-Link Tapo C310
- ความละเอียด: 3MP
- มาตรฐานกันน้ำ IP66
- รองรับ WiFi และ LAN
- มี Motion Detection และ Night Vision
- ราคาโดยประมาณ: 1,400 – 1,800 บาท
EZVIZ C3WN Outdoor WiFi Camera
- Full HD 1080p
- อินฟราเรดระยะ 30 เมตร
- กันน้ำ IP66
- รองรับ WiFi พร้อมเสียงสองทาง
- ราคาโดยประมาณ: 1,500 – 2,000 บาท
Hikvision DS-2CE16D0T-ITPF
- ความละเอียด: 2MP
- รองรับการมองเห็นในที่มืด (IR) ระยะ 20 เมตร
- กันน้ำและฝุ่นระดับ IP66
- ราคาโดยประมาณ: 1,000 – 1,400 บาท
สรุป
กล้องวงจรปิดสำหรับพื้นที่ภายนอก คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเฝ้าระวังทรัพย์สินและความปลอดภัยรอบบ้านหรือสถานประกอบการได้อย่างมั่นใจตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นแดดจัด ฝนตกหนัก หรือเวลากลางคืน กล้องที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับภายนอกจะทำหน้าที่บันทึกภาพและส่งข้อมูลได้อย่างคมชัดและต่อเนื่อง
หากคุณกำลังมองหากล้องที่ ทนทาน ปลอดภัย ติดตั้งง่าย และเข้าถึงได้จากระยะไกล กล้องวงจรปิดสำหรับพื้นที่ภายนอกคือตัวเลือกที่คุ้มค่าและควรลงทุนในระยะยาว
ติดต่อเรา
- Facebook : ช่างรังรอง CCTV&Network
- LINE : Rungrong
- เบอร์โทร : 080-365-9997
- เว็บไซต์ : rungrong.com

